สารจากประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เรียน ท่านผู้ถือหุ้นทุกท่าน
ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ:
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือถือเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของ TTA ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 48 ของรายได้รวมทั้งหมด ในปี 2565 โดยอัตราค่าระวางเรือจะสะท้อนมาจากอุปสงค์และอุปทานของการขนส่งสินค้าแห้งเทกองและเป็นวัฏจักร เพื่อเป็นการลดความผันผวนนี้ กลุ่มธุรกิจมีการบริหารความเสี่ยงโดยการทำสัญญาซื้อขายค่าระวางล่วงหน้า (Forward Freight Agreement: FFA) เพื่อกำหนดอัตราค่าระวางล่วงหน้าไว้บางส่วน และใช้กลยุทธ์การบริหารสัดส่วนของการให้บริการเช่าเรือระยะยาวตามราคาปัจจุบัน (spot rate) และการจองระวางบรรทุกสินค้าล่วงหน้า (Contract of Affreightment: COA) ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตลาดในแต่ละช่วง ตลอดจนมีการบริหารจัดการเส้นทางการเดินเรืออย่างมีประสิทธิภาพ และหาโอกาสจากธุรกิจเรือเช่า (charter-in business)
สำหรับปี 2565 กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ มีรายได้จากค่าระวางอยู่ที่ 14,016.7 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากค่าระวางเรือเทียบเท่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จำนวนวันทำงานของเรือที่เป็นเจ้าของเพิ่มขึ้น และการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยรายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA เท่ากับ 5,193.1 ล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ ด้วยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าที่โดดเด่นเฉลี่ย 24,763 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในปี 2565 นอกจากนี้ อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือยังคงสูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 21,045 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันอยู่ร้อยละ 18 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเรือ (OPEX) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 3,936 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 4,588 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันอยู่ร้อยละ 14 ทั้งนี้ ณ สิ้นปี กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือเป็นเจ้าของเรือจำนวน 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์จำนวน 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์จำนวน 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,913 เดทเวทตัน (DWT) และมีอายุเฉลี่ย 14.7 ปี
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร:
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น แม้ว่าปริมาณขายปุ๋ยรวมลดลง ซึ่งในปี 2565 กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรรายงานรายได้ 4,246.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีก่อนจากทุกผลิตภัณฑ์และบริการ โดยรายได้จากการขายปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาขายปุ๋ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ปริมาณขายปุ๋ยในประเทศ คิดเป็นร้อยละ 66 ของปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมดอยู่ที่ 94.4 พันตัน ขณะที่ปริมาณส่งออกปุ๋ยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 48.9 พันตัน เนื่องจากปริมาณส่งออกปุ๋ยไปยังประเทศฟิลิปปินส์ขยายตัว การส่งออกไปยังลูกค้าหลักในประเทศแถบแอฟริกายังคงถูกจำกัดจากอัตราค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่สูง ส่วนรายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 75.0 ล้านบาท จากการประสบความสำเร็จในการเข้าซื้ออาคารคลังสินค้าขนาด 10,000 ตารางเมตร และสิทธิการใช้พื้นที่โรงงานเพื่อเก็บสินค้าในประเทศเวียดนาม ประกอบกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยสรุป กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรรายงานผลกำไรสุทธิที่ 78.1 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 53.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับปีก่อน
กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage):
พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 193 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดที่เปิดใหม่เป็นสาขาที่เปิดตามหัวเมืองใหญ่ ในขณะที่ ทาโก้ เบลล์ เป็นเฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 12 สาขาทั่วประเทศ
ความเสี่ยงจากการลงทุนใหม่:
เนื่องจากธุรกิจหลักของ TTA เป็นธุรกิจที่เป็นวัฏจักร TTA จึงได้กระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในธุรกิจที่ไม่เป็นวัฏจักรและเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ส่งผลให้กลุ่มบริษัทอาจมีความเสี่ยงจากการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม ทำให้มีความเสี่ยงที่การลงทุนดังกล่าวอาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้ ก่อนการลงทุน ทุกครั้ง TTA จะศึกษารายละเอียดและความเป็นไปได้ ตลอดจนมีขั้นตอนการอนุมัติการลงทุนที่เข้มงวด โดยคำนึงถึงความจำเป็น ความเหมาะสม และประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้น และปฏิบัติตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ซึ่งว่าด้วยการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันหรือการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินของ TTA
การกำกับดูแลกิจการที่ดี:
TTA ได้รับการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการ ในเกณฑ์ “ดีเลิศ” หรือ 5 ดาว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2565 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2022 : CGR) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
TTA ได้รับรางวัลการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Corporate Governance Scorecard (ACGS)) ประจำปี 2564 หมวด ASEAN Assets เป็นครั้งแรกในฐานะบริษัทจดทะเบียนไทย ภายใต้การประเมินโดยองค์กรผู้ทำการประเมินในนามของประเทศไทย และสถาบันกรรมการบริษัทฟิลิปปินส์ (Institute of Corporate Directors Philippines) โดยพิจารณาจากแนวทางปฏิบัติการกำกับดูแลกิจการที่เป็นเลิศในระดับสากล ทั้งนี้ TTA เป็น 1 ใน 76 บริษัทจดทะเบียนไทย จาก 234 บริษัททั่วอาเซียนที่ได้รับรางวัลในหมวด ASEAN Assets ตามประกาศจาก ACGS ประจำปี 2564
เส้นทางสู่ความยั่งยืน:
การดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทมุ่งเน้นประเด็นความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนและกระบวนการตัดสินใจทางธุรกิจจะต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อส่งมอบผลประโยชน์ระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
ในปัจจุบันนี้ โลกของเราต้องเผชิญกับภัยคุกคามของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านสภาวะโลกร้อนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจสร้างหายนะให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต ถือเป็นความรับผิดชอบของกลุ่มบริษัทที่จะดำเนินนโยบายที่สร้างสรรค์ในด้านการจัดการพลังงานและการปล่อยมลพิษ ด้วยเหตุนี้ TTA จึงเข้าร่วมกับองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TBCSD) ตั้งแต่ปี 2564 โดยมีเป้าหมายในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อบรรลุสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตัวอย่างเช่น กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ ได้ดำเนินกลยุทธ์หลายประการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งการปรับปรุงเรือขนส่งให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการปฏิบัติงานการขนส่งทางเรือและลดการปล่อยน้ำเสียลงสู่ทะเล นอกจากนี้ ยังจัดการด้านการใช้เชื้อเพลิงอย่างรอบคอบ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเดินเรือ ปัจจุบันนี้กลุ่มบริษัทส่งมอบความยั่งยืนผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (green technologies) ได้แก่ ธุรกิจแผงโซล่าเซลล์ ธุรกิจรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและเรือไฟฟ้า เป็นต้น
สำหรับ TTA การเติบโตที่ยั่งยืนต้องมีพื้นฐานในการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ ซึ่ง TTA สะท้อนจุดยืนนี้อย่างชัดเจน ประการแรก การดำเนินธุรกิจหลักมุ่งเน้นการขยายธุรกิจด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณค่าเพิ่ม ประการที่สอง สำรวจโอกาสในการลงทุนใหม่ โดยคำนึงถึงแนวโน้มในอนาคตและความต้องการของตลาด ประการที่สาม การดำเนินธุรกิจที่ตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติเพื่อความยั่งยืนที่เป็นประโยชน์สำหรับคนรุ่นใหม่ในอนาคต
นอกจากนี้ TTA มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็น 1 ใน 170 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีรายชื่ออยู่ในหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2565 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของ TTA ในการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี
สุดท้ายนี้ ในนามของคณะกรรมการบริษัท ขอขอบพระคุณท่านผู้ถือหุ้นทุกท่าน พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ที่ให้การสนับสนุนอย่างเชื่อมั่นและไว้วางใจเสมอมา ทั้งนี้ ขอขอบคุณ คณะผู้บริหาร และพนักงานทุกคนที่ทุ่มเทในการทำงานอย่างเต็มความสามารถ แม้ว่าปีนี้จะเป็นอีกปีที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ทางธุรกิจก็ตาม TTA จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานตามหลักการของการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการปฏิบัติที่ดีด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมต่อไป
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์
ประธานกรรมการ
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ
กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร