การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ
กลุ่มบริษัทยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล ตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี จรรยาบรรณธุรกิจ และหลักการบริหารจัดการความเสี่ยง รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุมด้านภาษีทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีธุรกิจของกลุ่มบริษัท กลุ่มบริษัทต่อต้านการทุจริต การให้สินบน มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่คุณค่า ทั้งสนับสนุนการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้ธุรกิจ ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมทาง ด้านเทคโนโลยี กระบวนการทำงาน และรูปแบบของธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
การกำกับดูแลกิจการที่ดีถือเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ และได้จัดทำนโยบายการกำกับดูแลกิจการเป็นลายลักษณ์อักษรตั้งแต่ปี 2560 รวมถึงการจัดทำจรรยาบรรณธุรกิจ และมีคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการทำหน้าที่ในการกำกับดูแลให้การดำเนินงานของกลุ่มบริษัทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมถึงทบทวนและปรับปรุงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกิจการให้มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติระดับสากล
การกำกับดูแลกิจการ หมายถึง ระบบที่จัดให้มีโครงสร้างความสัมพันธ์และแนวปฏิบัติเพื่อสร้างความโปร่งใส ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท และฝ่ายบริหารของบริษัทฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มบริษัทในระยะยาว สร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น และเพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยะยาว
หลักการกำกับดูแลกิจการของบริษัทฯ มีดังต่อไปนี้
- การปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย การบริหารจัดการและการดำเนินธุรกิจจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎบัตร กฎเกณฑ์ มติของคณะกรรมการหรือของผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวข้อง
- ความรับผิดชอบ ผู้มีส่วนได้เสียทุกราย รวมถึงคณะกรรมการบริษัทและฝ่ายบริหารจะต้องตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของตน
- ความโปร่งใส การประกอบธุรกิจและการดำเนินการทางธุรกิจจะต้องสามารถตรวจสอบได้และมีความโปร่งใส
- การมีส่วนร่วม ต้องรับรู้และยอมรับในสิทธิของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของบริษัทฯ
- หลักความคุ้มค่า ในการลงทุนและการใช้ทรัพยากรทั้งหลาย จะต้องคำนึงถึงผลตอบแทนทางการเงิน และเศรษฐกิจ
-
คุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบริการ
-
คุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบริการ
กลุ่มบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า และเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ในอนาคต อันจะนำมาซึ่งความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจขององค์กร เนื่องจากปัจจัยทางด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าและบริการเป็นปัจจัยหลักและสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของลูกค้า กลุ่มบริษัทจึงให้ความสำคัญกับความสำคัญกับประเด็นด้านคุณภาพ ความปลอดภัยของสินค้าและบริการ การบริหารจัดการสภาพแวดล้อม และความมั่นคงในการดำเนินงาน พร้อมกับรับฟังข้อคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อนำมาปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มบริษัทได้ดำเนินงานตามแผนงานที่ได้มีการวางแผนไว้ โดยดำเนินการกำหนดเป้าหมายในประเด็นต่างๆ ตามลักษณะธุรกิจ และจัดให้มีการวัดผลหลังการดำเนินงาน เพื่อวัดประสิทธิภาพความเหมาะสมของแผนการดำเนินงาน และเพื่อควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบริการ
โทรีเซน ชิปปิ้ง
โทรีเซน ชิปปิ้ง มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการให้บริการขนส่งสินค้าแห้งเทกองทางทะเล (Dry bulk carriers) ทั้งในส่วนสินค้าแห้งเทกองกลุ่มหลัก เช่น ถ่านหิน แร่/สินแร่ เมล็ดธัญพืช และในส่วนของสินค้าแห้งเทกองกลุ่มย่อย เช่น เหล็ก ปุ๋ย ซีเมนต์ ผลิตผลทางการเกษตร ไม้ซุง และอื่นๆ โดยรูปแบบการให้บริการของ โทรีเซน ชิปปิ้ง จะปฏิบัติตามสัญญาตามที่ได้มี การตกลงกับลูกค้า โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานในการส่งมอบบริการที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของ โทรีเซน ชิปปิ้ง สามารถให้บริการขนส่งไปยังทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โทรีเซน ชิปปิ้ง จึงมุ่งเน้นการดำเนินงานให้สอดคล้องและปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับตามมาตรฐานการเดินเรือสากล และมาตรฐานท่าเรือของประเทศที่ดำเนินการขนส่ง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการขัดต่อกฎหมาย และข้อบังคับและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง โทรีเซน ชิปปิ้ง มีหน่วยงานที่ทำงานเพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการ โดยมีทีม Commercial Operations ที่ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการให้การขนส่งเป็นไปตามมาตรฐานและข้อตกลงตามที่ระบุไว้ในสัญญา ทั้งยังมีทีมงาน Marine Operations ที่ทำหน้าที่ในการจัดหาเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการบนเรือ เตรียมการให้เรือมีความพร้อมในการให้บริการที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยสูงสุดPHC และ STC
PHC ดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดมาเป็นลำดับแรก เนื่องจากความเสี่ยงอาจส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยของลูกค้า ซึ่งสามารถมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท และอาจต้องใช้ระยะเวลาและต้นทุนในการปรับปรุงแก้ไขเป็นอย่างมาก ดังนั้น การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของอาหารจะช่วยลดต้นทุนในการแก้ไขปัญหาและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งช่วยสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อ แบรนด์สินค้า เพื่อให้เกิดการซื้อผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนสำหรับ STC ที่มีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำทางด้านอาหารสไตล์เม็กซิกันในประเทศไทย มีความตั้งใจที่จะส่งมอบบริการดีที่สุดด้วยความรวดเร็ว เป็นมิตร และถูกต้องแม่นยำให้กับลูกค้า STC จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานการผลิตเพื่อควบคุมคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่องPHC และ STC ได้กำหนดเป้าหมายในการรักษามาตรฐานในเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง และเป็นพื้นฐานหลักของการบริหารจัดการ รวมถึงมีนโยบายควบคุมความปลอดภัยของอาหารที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฏหมายอาหารปลอดภัยของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และมีการกำกับดูแลภายใต้นโยบายคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหารตาม Franchise Policy และข้อกำหนดของบริษัท ยัม แบรนด์ส อิงค์ (Yum! Brands, Inc.,) ที่มีกระบวนการตรวจสอบและการประเมินความเสี่ยงจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก โดยจัดให้มี การหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางการป้องกันร่วมกับผู้ผลิตกลุ่มอาหาร บรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสอาหารโดยตรง และคลังจัดเก็บสินค้า และมีการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงต่อคุณภาพและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
การบริหารจัดการด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร
หน้าร้านค้า
- ร้านค้าทุกร้านภายใต้ PHC และ STC ได้รับการตรวจสอบด้านมาตรฐานควบคุมความปลอดภัยทางด้านอาหาร โดยทีมตรวจสอบภายใน และผู้ตรวจสอบภายนอกที่ได้การรับรองโดย Yum! Brands, Inc., อย่างสม่ำเสมอ
การดำเนินงานกับคู่ค้า
- คู่ค้าของ PHC และ STC ทั้งที่เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร บรรจุภัณฑ์ รวมถึงศูนย์เก็บและกระจายสินค้าจะได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานควบคุมความปลอดภัยทางด้านอาหาร และตามมาตรฐานของ Yum! Brands, Inc., อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งหรือมาตรฐานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น BRC และ FSSC22000 เป็นต้น
- นโยบายจัดการฝึกอบรมมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารให้แก่คู่ค้าในรูปแบบห้องเรียนทุกปี เพื่อให้คู่ค้า มีความเข้าใจในมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับสินค้าที่ผลิตให้กับ PHC
- แนวทางการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทผักจากผู้ผลิตที่เป็นไปตามมาตรฐาน Good Agricultural Practice (GAP) และมีนโยบายควบคุมความปลอดภัยทางด้านอาหาร
การดำเนินงานกับพนักงาน
- ข้อกำหนดให้ผู้จัดการร้านทุกสาขาต้องได้รับใบอนุญาตผู้สัมผัสอาหารจากกระทรวงสาธารณสุข
- นโยบายจัดการฝึกอบรมความปลอดภัยทางด้านอาหารให้แก่พนักงานร้านทุกคนทั้งในรูปแบบห้องเรียน และรูปแบบออนไลน์ และมีนโยบายให้พนักงานสาขาตรวจสุขภาพก่อนรับเข้าทำงาน อีกทั้งยังมีมาตรการ อย่างเข้มงวดให้พนักงานล้างมือทุกครั้งเมื่อเข้าในบริเวณประกอบอาหาร และก่อนสัมผัสอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ถูกปรุงภายในร้านมีความปลอดภัยก่อนส่งมอบให้กับลูกค้า
การดำเนินงานกับลูกค้า
- PHC และ STC ได้กำหนดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ผ่านช่องทางต่างๆ พร้อมกับกำหนดกระบวนการดำเนินงานสำหรับตรวจสอบเรื่องร้องเรียนและหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต
ผลการดำเนินงาน
ในปี 2566 พนักงานในร้านพิซซ่า ฮัท และทาโก้ เบลล์ ทุกคนได้ผ่านการอบรมด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีคู่ค้าที่ผ่านการฝึกอบรมมาตรฐานความปลอดภัย ร้อยละ 100 ของคู่ค้า ของร้านพิซซ่า ฮัท ทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทผักจากผู้ผลิตที่เป็นไปตามมาตรฐานย Good Agricultural Practice (GAP) และมีนโยบายการควบคุมความปลอดภัยทางด้านอาหารอีกด้วย
ตารางแสดงผลการดำเนินงานการฝึกอบรมด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าและบริการ
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร ร้อยละของผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร 2564 2565 2566 พนักงาน 100 100 100 คู่ค้า 100 100 100 PHC และ STC มีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยแเพื่อสุขภาพที่ดี ของผู้บริโภค บริษัทจึงมีเป้าหมายดำเนินการตรวจสอบด้านความปลอดภัยร้านอาหาร รวมถึงคู่ค้าทุกรายเป็นประจำทุกปี และสาขาของบริษัทจะต้องได้รับการตรวจสอบให้ผ่านตามข้อกำหนดมาตรฐาน ประกอบด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร มาตรฐานแบรนด์ และมาตรฐานกฎหมายภายในประเทศเฉลี่ยปีละ 2.35 ครั้ง โดยบริษัทตรวจสอบจากภายนอก ที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารที่เจ้าของเฟรนไชส์ เป็นผู้มอบหมาย เพื่อวิเคราะห์ปัญหาของแต่ละร้านและทำการแก้ไขปรับปรุง
ร้านพิซซ่า ฮัท มีผู้จัดการร้านในแต่ละสาขาเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารและมีหน้าที่ในการดำเนินการตรวจสอบ นอกจากนั้นยังมีคณะกรรมการอาหารปลอดภัย (Food Safety Committee) ซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ประกันคุณภาพวัตถุดิบจำนวน 2 คน และเจ้าหน้าที่ประกันคุณภาพส่วนของร้านอาหารจำนวน 2 คน โดยมีการประชุมเกี่ยวกับผลการตรวจสอบ ซึ่งจะนำไปหารือเพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาการบริการ และนำไปเสนอต่อหัวหน้าทีม ทีมจัดการร้านและแผนกต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจในกระบวนการดำเนินงานรวมถึงคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารก่อนส่งถึงผู้บริโภค นอกจากนี้ สำหรับ PHC ยังมีข้อมูลด้านโภชนาการ (Nutrition Transparency) เปิดเผยบนเว็บไซต์เพื่อเป็นข้อมูลสารอาหารให้กับผู้บริโภคอีกด้วย
กระบวนการตรวจสอบร้านอาหารพิซซ่า ฮัท
นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1150 เว็บไซต์ของบริษัท www.pizzahut.co.th และทาง Social Media ที่ www.facebook.com/pizzahutthailand ซึ่งหากมีข้อร้องเรียนด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าและบริการ หน่วยงาน call center จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบในขั้นต้น และรายงานต่อหน่วยงานฝ่ายปฏิบัติการ เพื่อดำเนินการตรวจสอบ เมื่อพิจารณาผลการตรวจสอบแล้วจะดำเนินการแก้ไขและดำเนินการชดเชยให้แก่ลูกค้า โดยฝ่ายปฏิบัติการ จากนั้นบริษัทจะสรุปประเด็นข้อร้องเรียน เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคตต่อไป
PHC ได้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Safety & Health Administration: SHA) ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานภาคสมัครใจสำหรับผู้ประกอบการ หรือข้อกำหนดเบื้องต้นที่สถานประกอบการพึงมี เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาจากมาตรการด้านสาธารณสุขบวกกับมาตรฐานของสินค้าทางการท่องเที่ยว โดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำสัญลักษณ์ SHA เพื่อรับรองคุณภาพ ของสถานประกอบการนั้นๆ และเมื่อได้รับสัญลักษณ์แล้ว ผู้ประกอบการจะถูกประเมิน รวมถึงมีการสุ่มตรวจจากหน่วยงานภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นระยะอีกด้วย ซึ่งผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า PHC เป็นหนึ่งในสถานประกอบการที่ดำเนินการปรับปรุงสถานประกอบการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
PHC ได้รับความเห็นชอบจากกรมอนามัยให้เป็นหน่วยงานจัดการอบรม ผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร เนื่องจากผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร นับว่าเป็นบุคคลสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบ ปรุง ประกอบอาหาร และให้บริการอาหารที่สะอาดปลอดภัย รวมถึงมีคุณค่าทางโภชนาการ จำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ หลักการสุขาภิบาล และสุขวิทยาส่วนบุคคล รวมถึงกฏหมายที่เกี่ยวข้อง พนักงานของ PHC ถือเป็นผู้สัมผัสอาหารที่ต้องผ่านการอบรมดังกล่าว PHC ได้ขอความเห็นชอบจากกรมอนามัยเพื่อเป็นหน่วยงานการจัดการอบรม ซึ่งได้รับความเห็นชอบเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ส่งผลให้ PHC สามารถฝึกอบรมพนักงานของ PHC เองได้อย่างเต็มที่ และพนักงานของ PHC สามารถนำความรู้ไปปฏิบัติอย่างถูกต้องและสามารถบริการอาหารที่สะอาด ปลอดภัยสู่ผู้บริโภค รวมถึงมีการบริหารจัดการที่ดีในสถานที่จำหน่ายอาหารอีกด้วย/p>
UMS
UMS มีกลยุทธ์ที่สำคัญทางด้านผลิตภัณฑ์ โดยมีกระบวนการคัดเลือกและปรับปรุงคุณภาพถ่านหินที่มีประสิทธิภาพ การสำรวจคุณภาพถ่านหินด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและมีความสามารถ เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพถ่านหินทั้งในด้านปริมาณคาร์บอน ความชื้น ค่าซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ลูกค้าแต่ละรายจะได้ถ่านหินที่มีคุณภาพเหมาะสมกับหม้อไอน้ำของแต่ละโรงงานอุตสาหกรรมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการเผาผลาญเชื้อเพลิง
-
การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและการจัดการข้อร้องเรียน
-
การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและการจัดการข้อร้องเรียน
ด้วยแนวคิดที่ว่าความเติบโตของธุรกิจมีรากฐานมาจากกลุ่มลูกค้า กลุ่มบริษัทจึงคำนึงถึงความต้องการและ ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสาคัญ และมุ่งมั่นที่จะให้ลูกค้าได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานและ ความคาดหวัง ด้วยราคาที่เป็นธรรม โดยใช้การตลาดที่เหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน และเพียงพอสำหรับการตัดสินใจ ทั้งนี้กลุ่มบริษัทยังให้ความสำคัญกับข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น และแบบประเมินความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มบริษัทได้รับความไว้วางใจในการรักษาสัมพันธภาพที่ยั่งยืนกับคู่ค้า โดยสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม รวมถึงขยายฐานไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ให้หันมาใช้สินค้าและบริการจากกลุ่มบริษัทมากขึ้นควบคู่ไปกับการสนับสนุนความสำเร็จอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัท
TTA
กลุ่มบริษัทให้ความสำคัญกับการศึกษาพฤติกรรม ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนและ ความคาดหวังของลูกค้า ผ่านการวางแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการร่วมกับลูกค้า โดยกลุ่มบริษัทมีแนวทางการปฏิบัติต่อลูกค้าที่สอดคล้องและครอบคลุมตามที่ระบุไว้ในจรรยาบรรณธุรกิจ ซึ่งเริ่มบังคับใช้เมื่อเดือนธันวาคมปี 2552 และมีการแก้ไขล่าสุดปี 2566 โดยภายหลังการแก้ไขจรรยาบรรณธุรกิจทุกครั้ง บริษัทฯ จะดำเนินการสื่อสารให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบทุกครั้ง พร้อมกับจัดให้มีการทดสอบความรู้ ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางหน้าเว็บไซต์ของบริษัทฯ (https://www.thoresen.com/th/corporate-governance/corporate-policy-documents) ซึ่งประกอบไปด้วย
- การส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพตามที่ลูกค้าต้องการ
- การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของบริษัทฯ ที่ถูกต้อง ครบถ้วน และในเวลาที่เหมาะสมแก่ลูกค้า
- การปฏิบัติตามข้อกำหนด และเงื่อนไขที่ให้ไว้กับลูกค้าอย่างเคร่งครัด
- การปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างสุภาพ และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจจากลูกค้า
- การรักษาความลับของลูกค้า และหลีกเลี่ยงการใช้ความลับดังกล่าวเพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลอื่น
โทรีเซน ชิปปิ้ง
โทรีเซน ชิปปิ้ง มีความมุ่งมั่นในการดูแลจัดการให้การขนส่งสินค้าเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาตามที่ได้ มีการตกลงกับลูกค้า โดยมีทีม Commercial Operations กำกับดูแลให้การขนส่งและการบริการที่เกี่ยวข้องเป็นไปตามข้อตกลงตามสัญญาที่กำหนด
PHC
PHC ดำเนินนโยบายความสัมพันธ์กับลูกค้าบนพื้นฐานของการดำเนินงานเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทั้งด้านความเชื่อมั่นในความปลอดภัยด้านอาหาร และคุณภาพของการบริการ ผ่านการดำเนินงานที่เป็นมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการยกระดับประสบการณ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความเข้าใจต่อความต้องการและพฤติกรรม ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อยกระดับความภักดีของลูกค้าและขยายกลุ่มลูกค้าไปยังฐานที่กว้างขึ้น และ PHC มีแนวทางการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านโฆษณา โดยการโฆษณาจะต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค เช่น ข้อความที่เกินความจริง และข้อความที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้าและบริการของ PHC
PHC แบ่งการดำเนินงานการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าเป็น 2 ส่วนหลัก คือ Customer Relations Management Platform และ Guest Experience Survey ควบคู่ไปกับการตั้งเป้าหมายและการวัดผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการนำมาปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์
Customer Relations Management Platform
ระบบสำหรับอำนวยความสะดวกในการเก็บฐานข้อมูลสำหรับจัดการลูกค้าสัมพันธ์ โดยใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ จัดกลุ่มลูกค้ารวบรวมช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า สำหรับ การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย นำเสนอสินค้าใหม่ นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อการเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงตาม ความต้องการสูงสุด และใช้สนับสนุนการสร้างประสบการณ์เชิงบวกและอัตราการกลับมาซื้อซ้ำ สำหรับโครงการที่มีการนำเครื่องมือใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย PHC มี การตั้งเป้าหมายและการวัดผลการดำเนินงานในทุกโครงการ โดยรูปแบบการประเมินขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของโครงการ
Guest Experience Survey
PHC ได้จัดทำแบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ ทุกครั้งที่มีคำสั่งซื้อสินค้าทั้งในด้านของความพึงพอใจต่อรสชาติ ปริมาณของอาหาร ราคา ความง่ายในการเข้าถึงข้อมูลหรือช่องทางการสั่งสินค้า และความพึงพอใจในบริการ เป็นต้น โดยดำเนินการผ่านแบบสอบถามและทางช่องทางออนไลน์ และข้อความทางโทรศัพท์ (SMS) ทั้งนี้ PHC ได้นำผลการสำรวจความพึงพอใจลูกค้ามาวิเคราะห์สาเหตุและทำแผนการแก้ไขปรับปรุงประจำเดือนอย่างต่อเนื่อง และมีการตั้งเป้าหมาย Guest Experience Survey ในแต่ละปี เพื่อวัดประสิทธิผลความพึงพอใจของลูกค้า และวัดผลการดำเนินงานด้านความสัมพันธ์ลูกค้า
กระบวนการตรวจสอบข้อร้องเรียน
นอกจากนั้น PHC ยังมีการพัฒนาช่องทางการรับฟัง ความคิดเห็นของลูกค้าและรับเรื่องร้องเรียนผ่านช่องทางที่หลากหลาย เพื่อเก็บข้อมูลการร้องเรียนของลูกค้าไปใช้ในการปรับปรุงการให้บริการต่อไป ในกรณีที่เกิดการร้องเรียนด้านการให้บริการของร้าน ผู้จัดการร้านจะทำการวิเคราะห์ปัญหาหรือข้อร้องเรียนที่ได้รับ โดยจะทำการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา สถานที่ที่เกิดข้อร้องเรียน จำนวนครั้งที่เกิด ข้อร้องเรียน จากนั้นจะนำมาสรุปเป็นประเด็นข้อร้องเรียน เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคตต่อไป และ ทำการวัดผลการแก้ไขข้อร้องเรียน ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่า ไม่มีข้อร้องเรียนในด้านสุขภาพและความปลอดภัย จากการใช้บริการของร้านพิซซ่าฮัท
ช่องทางการร้องเรียนปัญหาที่พบ
- Call Center : 1150
- Website : www.pizzahut.co.th
- Mobile Application : Pizza Hut Thailand
เพื่อเป้าหมายการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ทาง PHC ได้ดำเนินการตามแผน การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า และการจัดการข้อร้องเรียน
เป้าหมาย Guest Experience Survey
- ความพึงพอใจในภาพรวมร้อยละ 83
- ความพึงพอใจในด้านความปลอดภัยของอาหารร้อยละ 85
เป้าหมายระยะยาว ความพึงพอใจเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 2 ทุกปี
ผลการดำเนินงานปี 2566
เป้าหมายปริมาณของความพึงพอใจในภาพรวมของลูกค้า (ร้อยละ) ผลลัพธ์ของการประเมิน (ร้อยละ) PHC 83 81.4 จำนวนข้อร้องเรียน (ครั้ง) 2566 PHC ข้อร้องเรียนได้รับทั้งหมด 1,611 ข้อร้องเรียนที่ได้รับการแก้ไข 1,611 ประเด็นข้อร้องเรียนที่ได้รับ และได้รับการแก้ไขในปี 2566
1,611 ครั้ง
คุณภาพและ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบริการ
0 ครั้ง
ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความปลอดภัย ทางไซเบอร์
0 ครั้ง
การปฏิบัติตาม ข้อกฎหมาย ด้านสิ่งแวดล้อม
0 ครั้ง
การละเมิดสิทธิมนุษยชน
STC
STC เล็งเห็นถึงความสามารถในการเป็นร้านอาหารสไตล์เม็กซิกันที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า ด้วยการส่งมอบ การสินค้าและบริการที่ดี จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวอย่างยั่งยืนกับลูกค้า ซึ่งเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนการเติบโต และความสำเร็จของธุรกิจ STC ดำเนินการประเมินความพึงพอใจของลูกค้า โดยให้ลูกค้าสามารถส่งแบบประเมินตามรายละเอียดในท้ายใบเสร็จโดยมีการสอบถามในหลายมิติ เช่น ความพึงพอใจของสินค้า บริการ ความสะอาด และมาตรการความปลอดภัยในสถานการณ์โควิด-19 เป็นต้น และมีการตั้งเป้าหมาย พร้อมกับการวัดผลการประเมินถึงความพอใจหลังการดำเนินงาน ในปีนี้ STC ได้มุ่งเน้นในการปรับปรุงมาตรฐานการดำเนินงานด้านความรวดเร็วในการให้บริการ ให้สามารถส่งมอบสินค้าและบริการได้อย่างทันตามความต้องการ และเพิ่มประสิทธิการหมุนเวียนของลูกค้าภายในร้านให้เร็วมากขึ้นเพื่อลดอัตราความแออัดภายในร้าน
จากการดำเนินงานในปี 2566 STC ไม่พบว่ามีข้อร้องเรียนจากการใช้บริการของร้านทาโก้ เบลล์อย่างมีนัยสำคัญ จากทุกช่องทางการรับเรื่อง อย่างไรก็ตาม STC ได้จัดเตรียมขั้นตอนการดำเนินการกรณีได้รับข้อร้องเรียนจากลูกค้า โดยหลังรับเรื่องร้องเรียน ฝ่ายบริการลูกค้าสัมพันธ์ดำเนินการติดต่อลูกค้าเพื่อสอบถามรายละเอียดปัญหาหรือข้อแนะนำด้านบริการที่ได้รับเพิ่มเติม พร้อมแจ้งขออภัยต่อเหตุการณ์และดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ในกรณีนอกเหนือความรับผิดชอบจะดำเนินเรื่องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาระดับถัดไปเพื่อหาแนวทางการแก้ไข โดยทุกเรื่องร้องเรียนจะถูกแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 72 ชั่วโมง และถูกบันทึกข้อมูลลงในแบบฟอร์มเพื่อหาแนวทางการแก้ไขไม่ให้เกิดซ้ำ
ช่องทางการร้องเรียนปัญหาที่พบ
- Website : www.tacobell.co.th
- Facebook : Taco Bell Thailand
UMS
UMS จัดหาและตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้มีคุณภาพตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทมีหน่วยงานที่คอยให้คำปรึกษาและบริการดูแลลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าทันทีที่ได้รับแจ้งด้วยการช่วยวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา พร้อมกับแนวทางในการแก้ไข นอกจากนี้ยังมีการพบปะ/เข้าเยี่ยมลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นจากลูกค้า ซึ่งเป็นการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับลูกค้า
บริษัทดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาและมีจรรยาบรรณธุรกิจ โดยการจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐาน รักษาความลับของลูกค้า ทั้งนี้กรรมการผู้จัดการของบริษัทจะรายงานความสัมพันธ์กับลูกค้าต่อคณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการบริษัทอย่างสม่ำเสมอ
AIM
บริษัทมีการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าตามกลยุทธ์ในการพัฒนาการดำเนินธุรกิจการตลาดที่มุ่งเน้น การตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ให้เกิดเป็นแนวทางการดำเนินงานที่ครอบคลุมกระบวนการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
-
การบริหารห่วงโซ่คุณค่า
-
การบริหารห่วงโซ่คุณค่า
การบริหารห่วงโซ่คุณค่า ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยการบริหารห่วงโซ่คุณค่าอย่างครอบคลุม พร้อมกับบูรณาการแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้ามามีส่วนร่วม เป็นส่วนผลักดันให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดหาสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพเพื่อส่งมอบไปยังลูกค้าหรือผู้บริโภค ทางกลุ่มบริษัทจึงมีความมุ่งมั่นในการยกระดับการบริหารทั้งห่วงโซ่คุณค่า โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ ทั้งยังให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากคู่ค้าภายในห่วงโซ่คุณค่า พร้อมส่งต่อคุณค่าและความรับผิดชอบผ่านสินค้าและบริการ เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของผู้บริโภค ตอบสนองต่อความคาดหวังต่อผู้มีส่วนได้เสีย และลดความเสี่ยงที่ธุรกิจจะหยุดชะงัก เนื่องจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมภายในห่วงโซ่คุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคู่ค้าของบริษัทฯ
TTA
TTA มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเชื่อว่าความสำเร็จที่ยั่งยืนอยู่บนพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า และเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการดำเนินธุรกิจมีความสอดคล้องตามนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง TTA จึงจัดทำจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ เพื่อให้คู่ค้าธุรกิจมีส่วนร่วมในการปรับปรุงและพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ
TTA ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับแนวทางการบริหารจัดการคู่ค้า โดยจัดทำจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) รวมทั้งได้ออกระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกคู่ค้า ที่มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ
จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจของ TTA จัดทำขึ้นโดยยึดหลักการดำเนินงานโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคมควบคู่กับบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ และส่งเสริมให้คู่ค้าทุกรายปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว โดยกำหนดให้คู่ค้าของ TTA ลงนามรับทราบจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ และยินยอมให้มีการเข้าตรวจสอบกระบวนการผลิตและการให้บริการว่าเป็นไปตามข้อกำหนดตามความเหมาะสม รวมถึงจัดให้มีการดำเนินการตรวจสอบภายในสำหรับบริษัทในเครือ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคู่ค้าได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือข้อบังคับตามที่กำหนดของบริษัท
จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ https://www.thoresen.com/th/corporate-governance/corporate-policy-documents
แนวทางการดำเนินงานตามจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ
- จัดซื้อจัดจ้างโดยคำนึงถึงความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทั้งในด้านคุณภาพ ราคา และการให้บริการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัทฯ
- จัดซื้อจัดจ้างโดยมุ่งเน้นด้านจริยธรรมทางธุรกิจ ไม่เอาเปรียบคู่ค้า และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน เปิดเผย และปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคู่ค้า
- จัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และปฎิบัติตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัด รวมถึงมีการบริหารจัดการความเสี่ยงและการกำกับควบคุมภายในกิจการที่ดี
- จัดซื้อจัดจ้างและบริหารจัดการคู่ค้าอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Environmental, Social, Governance & Economic: ESG) รวมถึงการกำกับดูแลคู่ค้าให้ดำเนินการตามจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) ซึ่งเป็น ส่วนหนึ่งของการบริหารห่วงโซ่คุณค่าอย่างยั่งยืน
แนวทางการดำเนินงานสอดคล้องกับการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตร (Green Procurement)
- เจ้าหน้าที่จัดซื้อต้องใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- พิจารณาสินค้าและบริการที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- สนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทรัพยากรหมุนเวียนและไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สินค้าที่ได้รับการรับรองฉลากเขียวฯ
- พิจารณาผู้ขายและผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
- จัดทำขั้นตอนและวิธีการจัดซื้อ/จัดจ้างที่เป็นธรรมและให้ความเสมอภาค
การคัดเลือกคู่ค้าของบริษัทฯ
เมื่อมีความจำเป็นต้องมีการจัดหาสินค้าและบริการ เจ้าหน้าที่จัดซื้อทำการคัดเลือกคู่ค้าจากรายชื่อคู่ค้าที่ขึ้นทะเบียน (Approved Supplier List) ที่ผ่านขั้นตอนการคัดเลือกและดำเนินการ ดังต่อไปนี้
- ให้ข้อมูลความต้องการจัดหาสินค้าและ/หรือบริการที่ถูกต้องชัดเจน เพียงพอ เป็นธรรมต่อคู่ค้าทุกรายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการจัดหาครั้งนั้น เพื่อให้โอกาสคู่ค้าที่มีคุณสมบัติได้นำเสนอสินค้าและ/หรือบริการอย่างเท่าเทียม
- การคัดเลือกขั้นแรกสำหรับคู่ค้ารายใหม่ยึดหลักการพิจารณา โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าและ/หรือบริการ ราคาที่เหมาะสม รวมถึงข้อกำหนดอื่นๆ ที่จำเป็น โดยคู่ค้ารายใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกขั้นแรกต้องจัดทำแบบประเมินตนเอง ซึ่งครอบคลุมด้านสินค้าและบริการ ด้านการดำเนินธุรกิจ ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติการจัดหาในขั้นตอนถัดไป
- เจ้าหน้าที่จัดซื้อพิจารณาแบบประเมินตนเองจากคู่ค้า ร่วมกับคุณภาพของสินค้าและ/หรือบริการ ราคา และข้อกำหนดอื่นๆ ที่จำเป็น
- คะแนนมากกว่าร้อยละ 70 ถือว่าผ่านการประเมิน ให้รวบรวมผลนำเสนอให้ผู้มีอำนาจอนุมัติ
- คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 70 ถือว่าต้องผ่านกระบวนการพิจารณาเพิ่มเติม ให้เจ้าหน้าที่จัดซื้อแจ้งผลกับคู่ค้า และร่วมกันกำหนดแนวทางการป้องกันประเด็นที่อาจส่งผลกระทบด้านความยั่งยืนกับบริษัทฯ และประเมินผลในครั้งถัดมา
- คู่ค้าที่ผ่านการอนุมัติแล้วจะถูกกำหนดสถานะว่าเป็นคู่ค้าสำคัญ หรือคู่ค้ารอง โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ในการจัดกลุ่มคู่ค้า
- หลังจากได้เข้าร่วมทะเบียนคู่ค้าแล้ว คู่ค้าเดิมจะต้องผ่านการประเมินประสิทธิภาพการทำงานรายปี (Yearly Performance Evaluation) ผ่านแบบประเมินคู่ค้าโดยบริษัทฯ เป็นผู้ประเมิน ร่วมกับแบบประเมินตนเองของคู่ค้าครอบคลุมด้านสินค้าและบริการ ด้านการดำเนินธุรกิจ ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน อีกทั้งในระหว่างปี บริษัทฯ สามารถร้องเรียนและนำเสนอปัญหาที่เกิดจากการใช้งานหรือประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจได้ โดยบริษัทฯ จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหา และให้คำแนะนำประกอบกับวางแผนพัฒนาศักยภาพคู่ค้าร่วมกันกับผู้เกี่ยวข้องจากทุกหน่วยงานและคู่ค้าก่อนการประเมินอีกครั้ง
หลักเกณฑ์ในการจัดกลุ่มคู่ค้า
บริษัทฯ กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดกลุ่มประเภทคู่ค้า ซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถวิเคราะห์และกำหนดกลยุทธ์ ในการดำเนินงานด้านการจัดซื้ออย่างเป็นระบบ รวมถึงนำไปเป็นข้อมูลในการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจำแนกหลักเกณฑ์ในการจัดกลุ่มคู่ค้า ดังนี้
1. คู่ค้าสำคัญ (Critical Tier1 Supplier)
คู่ค้าที่มีมูลค่าสัญญาสูง คู่ค้าที่มียอดการใช้จ่ายสูง สินค้าทดแทนหายาก และอยู่ในกลุ่มของชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ ที่สำคัญต่อกระบวนการผลิต และมีความเสี่ยงสูงมากต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ หรือความเสี่ยงสูง โดยบริษัทฯ กำหนดให้คู่ค้ากลุ่มนี้มีการประเมินผลการทำงานทุกปีผ่านแบบประเมินคู่ค้าโดยบริษัทฯ เป็นผู้ประเมิน ร่วมกับแบบประเมินตนเองของคู่ค้า และ/หรือเยี่ยมชมพื้นที่การปฏิบัติงาน (Onsite audit) โดยผ่านขั้นตอนการตรวจสอบ ครอบคลุมด้านสินค้าและบริการ ด้านการดำเนินธุรกิจ ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
2. คู่ค้ารอง (Critical Non-Tier 1 Supplier)
คู่ค้าที่มียอดการใช้บริการปานกลางหรือมูลค่าสัญญาต่ำ และมีความเสี่ยงต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ของบริษัทฯ อยู่ในระดับกลางหรือความเสี่ยงต่ำ ซึ่งบริษัทฯ กำหนดให้มีการประเมินผลการทำงานเป็นประจำทุกปีผ่านแบบประเมินคู่ค้าโดยบริษัทฯ เป็นผู้ประเมิน ร่วมกับแบบประเมินตนเองของคู่ค้า และการประเมินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ) โดยผ่านขั้นตอนการตรวจสอบครอบคลุมด้านสินค้าและบริการ ด้านการดำเนินธุรกิจ ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ประเมินความเสี่ยงของคู่ค้า
ปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารห่วงโซ่คุณค่า คือ การประเมินความเสี่ยง โดยเบื้องต้นบริษัทฯ มีระบบจัดการความเสี่ยงของคู่ค้า ประกอบด้วย การประเมินความเสี่ยงในห่วงโซ่คุณค่า การตอบแบบประเมินคู่ค้าโดยบริษัทฯ และแบบประเมินตนเองของคู่ค้า เพื่อระบุคู่ค้าที่มีความสำคัญในห่วงโซ่คุณค่า และเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ โดยแต่ละประเด็นมีรายละเอียด ดังนี้
- ประเด็นความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ เช่น ความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาวัตถุดิบ เป็นต้น
- ประเด็นความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก มลพิษทางเสียง การใช้น้ำและปล่อยน้ำเสีย การใช้พลังงาน และการจัดการของเสีย วัตถุดิบ หรืออุปกรณ์ที่มีสารพิษ เป็นต้น
- ประเด็นความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาล เช่น การทุจริต การหลีกเลี่ยงภาษี การแข่งขันทางการค้าอย่างเป็นธรรม และทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น
- ประเด็นความเสี่ยงด้านสังคม เช่น การจัดการด้านแรงงาน สิทธิมนุษยชน สุขภาพและความปลอดภัย และการปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นต้น
ผลการดำเนินงานปี 2566
จำนวนคู่ค้าทั้งหมด 51 ราย ประเภทคู่ค้า
ราย
จำนวนคู่ค้ารายใหม่ 1 จำนวนคู่ค้าสำคัญ (Critical Tier 1) 18 จำนวนคู่ค้ารอง (Critical Non-Tier 1) 19 การบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล และเศรษฐกิจ (ESG)
จำนวนคู่ค้าที่ได้รับการประเมินความเสี่ยง 2 จำนวนคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงจากการประเมิน 0 จำนวนคู่ค้าที่ได้รับการ On-site ESG audit 0 จำนวนคู่ค้าที่ได้รับการจัดการความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบ 0 ระยะเวลาเฉลี่ยของการชำระเงินให้แก่คู่ค้า
- ระยะเวลาตามแนวปฎิบัติภายใน 30 วัน
- ระยะเวลาเฉลี่ยเกิดขึ้นจริง 30 วัน
TTA
ในปี 2566 บริษัทฯ มีส่วนช่วยพัฒนาการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของคู่ค้า ด้วยการจัดอบรมในโครงการ Safety Talk กับบริษัท สเตท เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาพนักงานรักษาความสะอาดในการทำความสะอาดสำนักงานใหญ่ให้กับบริษัทฯ เพื่อสร้างความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงานที่ดีต่อคู่ค้า และเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานรักษาความสะอาดสามารถปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง คำนึงถึงความปลอดภัยในการทำงาน และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุระหว่างการทำงานในที่ทำงานของ TTA ซึ่งความรู้ที่ได้จากการอบรมในครั้งนี้จะเป็นพื้นฐานในการสร้างความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงานของพนักงานรักษาความสะอาดต่อไปในอนาคต
ผลการดำเนินงาน พนักงานรักษาความสะอาดเข้าร่วมอบรมร้อยละ 100 ของจำนวนพนักงานรักษาความสะอาดทั้งหมด และมีผลการทดสอบก่อนและหลังการอบรม พบว่า ผ่านการทดสอบร้อยละ 100 และในปี 2566 ไม่พบกรณีเกิดอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงานของพนักงานทำความสะอาด
โทรีเซน ชิปปิ้ง
โทรีเซน ชิปปิ้งยึดถือแนวทางการบริหารห่วงโซ่คุณค่าเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่จะช่วยขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขันและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยบริษัทมุ่งเน้นการกำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกคู่ค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลทางเรือ เพื่อประสิทธิภาพในการส่งมอบบริการที่มีคุณภาพและทันต่อเวลา และมีแนวทาง การดำเนินการกับคู่ค้าที่ไม่ปฎิบัติตามข้อตกลง
PMTA
PMTA ยึดมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มในห่วงโซ่คุณค่า Baconco ซึ่งเป็นบริษัทย่อยหลักของ PMTA ถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอุตสาหกรรมเคมีเกษตรของเวียดนาม เครื่องหมายการค้า STORK ของ Baconco ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมีชื่อเสียงในด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ Baconco คัดเลือกคู่ค้าจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือ เพื่อนำเข้าวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงกว่าคู่ค้าท้องถิ่นในเวียดนามเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต Baconco ยังดำเนินแคมเปญการตลาดในประเทศด้วยการจัดการประชุมขนาดเล็ก สัมมนา และกิจกรรมต่างๆ ซึ่งกำหนดเป้าหมายลูกค้าประเภทต่างๆ เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น Baconco จัดการประชุมเล็กๆ กับเกษตรกรเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับปุ๋ยที่เหมาะสมสำหรับการใช้เป็นหลัก และเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Baconco และแนะนำผลิตภัณฑ์อื่นๆ กิจกรรมนี้ยังช่วยให้ Baconco ได้รับข้อมูลเชิงลึก ข้อเสนอแนะ และคำแนะนำจากลูกค้า
PHC
การดำเนินธุรกิจของ PHC ภายใต้เฟรนไชส์ของบริษัท ยัม แบรนด์ส อิงค์ มีนโยบายและข้อกำหนดเกี่ยวกับคู่ค้า ที่สอดคล้องตามมาตรฐานสากล และยึดมั่นในการบริหารความเสี่ยงภายในห่วงโซ่คุณค่าอย่างมีความรับผิดชอบ และมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
- Food Safety Audit คือ การตรวจสอบที่ครอบคลุมในเรื่องความปลอดภัยของอาหารและสุขอนามัยที่เฉพาะเจาะจงตามที่กำหนด
- Quality System Audit คือ การตรวจสอบในเรื่องประสิทธิภาพการผลิตสินค้า และระบบการควบคุมคุณภาพ ของคู่ค้า
- Distribution Audit คือ การตรวจสอบในเรื่องคุณภาพของคลังสินค้า มาตรฐานในการจัดเก็บสินค้าว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของประเภทสินค้า การป้องกันการปนเปื้อนระหว่างสินค้าที่จัดเก็บ และการตรวจสอบในเรื่องคุณภาพ ของการขนส่งผลิตภัณฑ์ว่าขนส่งภายใต้ข้อกำหนดของสินค้านั้น เช่น เรื่องอุณหภูมิ ความสะอาดของรถ สุขอนามัยของพนักงานขนส่ง ขั้นตอนการจัดสินค้าขึ้นและลงจากรถขนส่ง เป็นต้น
- Packaging Audit คือ การตรวจสอบที่ครอบคลุมข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสอาหาร ที่เฉพาะเจาะจง
- GFSI (Global Food Safety Initiative) Certification ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับนานาชาติที่จัดทำขึ้น โดยวัตถุประสงค์ ในการสร้างมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยของอาหาร และสุขอนามัย ในกรณีที่คู่ค้ามีการจัดทำระบบมาตรฐานคุณภาพและได้รับผลการประเมิน GFSI ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดของทาง PHC สามารถใช้เอกสารดังกล่าวแจ้งเพื่อยกเว้นการตรวจสอบตามมาตรฐานของ PHC ได้
PHC ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการบริหารห่วงโซ่คุณค่าอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะธุรกิจอาหารต้องเกี่ยวข้องกับคู่ค้าจำนวนมาก และเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า ทั้งด้านคุณภาพ ราคา และลดความเสี่ยงต้นทุนในห่วงโซ่คุณค่า การขาดแคลนวัตถุดิบ ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจของคู่ค้า PHC ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติที่มุ่งเน้นจัดซื้อด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส ปฏิบัติข้อกำหนดของบริษัท ผ่านกระบวนการจัดหาการสรรหาและคัดเลือกคู่ค้ารายใหม่อย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากคุณภาพของสินค้าและความปลอดภัยในอาหารที่จะถูกส่งมอบไปยังลูกค้า มีจุดเริ่มต้นมาจากแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ กระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐาน การจัดเก็บผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป รวมไปถึงการขนส่ง และการกระจายสินค้าไปยังร้านอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ PHC มีแนวทางการดำเนินงานเพื่อยืนยันถึงประสิทธิภาพ และความสอดคล้องกับการดำเนินงานของคู่ค้าต่อนโยบายของ PHC อย่างต่อเนื่อง โดยในทุกปี PHC จะจัดกลุ่มคู่ค้ารายสำคัญ โดยพิจารณาจากลำดับความสำคัญตามความสำคัญเชิงกลยุทธ์ (Critical Component Suppliers) ซึ่งส่งผลต่อความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจ มีการดำเนินการตรวจสอบโรงงานและประเมินความเสี่ยงคู่ค้ารายสำคัญ และคู่ค้ารายใหม่ทุกราย โดยผู้ตรวจประเมินภายนอก รวมถึงมีมาตรการการดำเนินงานกรณีคู่ค้าไม่ผ่านการตรวจประเมิน และแนวทางการฝึกอบรมประจำปีร่วมกับคู่ค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับมาตรฐานในด้านความปลอดภัยของอาหาร ระบบคุณภาพ ความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์ และความปลอดภัยของคลังสินค้า และการขนส่งผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ PHC ยังมีการเยี่ยมชมโรงงานและกระบวนการผลิตของคู่ค้าหลักประจำปี และหาแนวทางการพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้าในการทบทวนธุรกิจกับคู่ค้ารายสำคัญทุกราย เพื่อศึกษาถึงแนวโน้ม และผลกระทบในประเด็นต่างๆ รวมถึงประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อรูปแบบการดำเนินธุรกิจในอนาคต
นอกจากนี้ PHC ยังส่งเสริมให้คู่ค้าปฏิบัติตามจรรยาบรรณและแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าธุรกิจที่มีการระบุถึงแนวทางการปฏิบัติทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ โดยในปี 2566 บริษัทได้ดำเนินการสื่อสารจรรยาบรรณและแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าธุรกิจไปยังคู่ค้ารายใหม่ทุกราย และยังดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายผลไปยังคู่ค้าทุกกลุ่ม
UMS
บริษัทมีกระบวนการจัดหา คัดเลือกและนำเข้าถ่านหิน โดยจะทำการสำรวจคุณภาพถ่านหินด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและมีความสามารถ เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพถ่านหินทั้งในด้านปริมาณคาร์บอน ความชื้น ค่าซัลเฟอร์ไดออกไซด์ รวมถึงสำรวจปริมาณถ่านหินสำรอง ซึ่งหากผลการตรวจสอบคุณสมบัติผ่านตามเกณฑ์พิจารณา บริษัทจึงจะทำการสั่งซื้อถ่านหินดังกล่าว นอกจากนี้ ในขั้นตอนการขนส่งในประเทศ บริษัทได้มีการกำหนดมาตรฐานในการขนส่ง โดยให้มีการคลุมถ่านหินในระหว่างขนส่งให้มิดชิด สำหรับการนำเข้าถ่านหินจากเหมืองต่างประเทศ บริษัทจะมีขั้นตอนต่างๆ ในการเลือกใช้ผู้ให้บริการขนส่งและลำเลียงที่มีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการนำเข้าถ่านหินจะผ่านขั้นตอนทางกฎหมายและพิธีการทางศุลกากรอย่างถูกต้อง ในปี 2566 บริษัทมิได้มีการนำเข้าถ่านหินดังกล่าวจากเหมืองในต่างประเทศ ทั้งนี้บริษัทมีหน่วยงานที่คอยให้คำปรึกษาและบริการดูแลลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อส่งมอบสินค้าให้ถึงลูกค้าอย่างดีที่สุด
AIM
ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท AIM มีแนวทางการคัดเลือกคู่ค้าอย่างเที่ยงธรรม ตรงตามมาตรฐานของระเบียบการประปาที่คำนึงถึงคุณภาพของการบริการ และให้ความสำคัญกับคู่ค้าที่มีนโยบายเช่นเดียวกับบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลักเพื่อการเติบโตและการพัฒนาร่วมกันในระยะยาว ดังนั้นบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าให้มีศักยภาพร่วมกับคู่ค้าทุกกลุ่มให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน
-
ความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
-
ความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่่มีการพัฒนาและเปลี่่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การรักษาความมั่่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่่องจากกลุ่มบริษัทมีการพึ่งพาเทคโนโลยีในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นรวมทั้งลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อเพิ่มขอบเขตความสามารถอันจะนำไปสู่ความสำเร็จระยะยาว และวิวัฒนาการด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์นั้นมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น โดยมีความเสี่ยงที่่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์ การเจาะระบบ การเรียกค่าไถ่ ข้อมูลของผู้ใช้งานในระบบถููกนำไปใช้หรือเผยแพร่โดยไม่ได้ความยินยอม และการสูญหายหรือรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญของกลุ่มบริษัท ทั้งในด้านข้อมูลการพัฒนาสินค้าและบริการและข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งทำให้การถููกโจมตีทางไซเบอร์อาจส่งผลกระทบทางลบต่อกลุ่มบริษัท ทั้งในรูปแบบของตัวเงินและรูปแบบที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น ค่าปรับจากการถูกฟ้องร้อง ค่าเสียหายจากการถูกเรียกค่าไถ่หรือการขู่กรรโชก ผลกระทบทางลบต่อชื่อเสียง การสูญเสียรายได้หรือกำไร การสููญเสียฐานลููกค้าจากความเชื่่อมั่่นชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของกลุ่มบริษัท เป็นต้นTTA
บริษัทฯ กำหนดให้คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่กำกับดูแลเกี่ยวกับธรรมาภิบาลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ นวัตกรรม และการบริหารความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับมาตรฐานและกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง พิจารณานโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงและการบรรเทาความเสี่ยงทางไซเบอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศโดยบูรณาการเข้ากับการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่การระบุุความเสี่ยง หรือโอกาสในการดำเนินธุุรกิจ การประเมินและจัดลำดับความสำคัญ การกำหนดมาตรการจัดการ การติดตามและรายงาน และการทบทวนนโยบายการจัดการความปลอดภัยทางด้านสารสนเทศและไซเบอร์เป็นประจำทุกปีเพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการ
นโยบายการจัดการความปลอดภัยทางด้านสารสนเทศและไซเบอร์
การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้มากขึ้นนั้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้วยเหตุนี้การปกป้องทรัพยากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ใช้ทุกคนต้องปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เพื่อเป็นมาตรฐานในการปกป้ององค์กรและผู้ใช้งานที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ เท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของ บริษัทฯ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของบุคคลนั้น หรือกิจกรรมที่บุคคลนั้นมีต่อบริษัทฯ ประเภทของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ที่บุคคลนั้นใช้บริการ ตามที่ได้แจ้งต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ก่อน หรือ ขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายฉบับปัจจุบันได้เปิดเผยไว้ที่เว็บไซต์ของบริษัทฯ (https://www.thoresen.com/th/corporate-governance/corporate-policy-documents )
แผนงานและการดำเนินการบริหารจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวม และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบ ด้วยกฎหมายและจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทฯ โดยแบ่งประเภทข้อมูลดังต่อไปนี้
บริษัทฯ มีการจัดทำระเบียบการควบคุมและการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลเพื่อให้การใช้งานทรัพยากรสารสนเทศ และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ใช้ อันทำให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยมีการเข้ารหัสสำหรับการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของข้อมูลที่จัดเก็บในรูปแบบเอกสารและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการสำรองข้อมูลที่เหมาะสม และเป็นไปตามมาตรฐาน Backup and Recovery Best Practice ซึ่งครอบคลุมถึงการกำหนดขอบเขต สื่อบันทึกข้อมูล ความถี่ในการสำรองข้อมูลและเชื่อมต่อข้อมูลไปยังพื้นที่ต่างๆ และเนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วบริษัทฯ ได้ดำเนินการทบทวนนโยบายที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุกปี
ปัจจุบันบริษัทฯ พึ่งพาเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อช่วยพัฒนาการดำเนินงาน พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมทั้งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและลดต้นทุนในการดำเนินงาน บริษัทฯ มุ่งเน้นให้มีการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยให้ครอบคลุมถึงการระบุความเสี่ยง การประเมินความเสี่ยง และการควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ รวมถึงจัดให้มีแผนการบริหารจัดการและบรรเทาผลกระทบจากความเสี่ยงดังกล่าวอย่างเหมาะสม ทั้งนี้การประเมินความเสี่ยง และแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง สามารถศึกษาได้จากหัวข้อ ปัจจัยความเสี่ยง ในแบบ 56-1 One Report ประจำปี 2566
ช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือมีข้อร้องเรียนใดๆ สามารถติดต่อได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน)
สถานที่ติดต่อ: 127เอ ถนน TELOK AYER,
ประเทศสิงคโปร์ (068596)
เบอร์โทรศัพท์: +65 6578-7000เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สถานที่ติดต่อ: 127เอ ถนน TELOK AYER,
ประเทศสิงคโปร์ (068596)
เบอร์โทรศัพท์: +65 6578-7000
อีเมล: dposhipping@thoresen.comผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
ร้อยละของผู้ที่ได้รับการอบรมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ในปี 2566 กรรมการ
ร้อยละ 100 ผู้บริหาร
ร้อยละ 100 พนักงาน
ร้อยละ 72 จำนวนเหตุการณ์การถูกโจมตีทางไซเบอร์ ในปี 2566 0 ครั้ง จำนวนเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล ในปี 2566 0 ครั้ง นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการสื่อสารเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับพนักงานผ่านทาง pop-up screen และระบบ Portal ภายในของบริษัทฯ เพื่อให้พนักงานสามารถศึกษาได้ตลอดเวลา
ในปี 2566 นอกจากการเสริมสร้างความรู้เรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์แล้ว บริษัทฯ ดำเนินโครงการกาทดสอบการโจมตี Phishing Email
- วัตถุประสงค์ : เพื่อให้พนักงานเตรียมรับมือและตอบสนองกับเหตุการณ์ภัยคุกคามต่างๆ เมื่อได้รับอีเมลหลอกลวง ซึ่งจะสามารถลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีด้วยอีเมลหลอกลวงได้ ควบคู่กับการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและข้อสังเกตเกี่ยวกับอีเมลหลอกลวง
- เป้าหมายของโครงการ : ไม่มีพนักงานที่ตกเป็นเหยื่อ ถูกหลวงลอกในการทดสอบนี้ ภายใน 2 ปีนับตั้งแต่เริ่มโครงการ
- ระยะเวลาการดำเนินงาน : เริ่มต้นในปี 2566 และทำการทดสอบซ้ำ โดยเปลี่ยนรูปแบบการโจมตี จนกว่าจะไม่มีพนักงานที่ตกเป็นเหยื่อ
ผลการทดสอบโครงการการทดสอบการโจมตี Phishing Email ครั้งแรกในปี 2566
ผู้เข้าร่วมการทดสอบ
32 คน ผู้ที่ผ่านการทดสอบ
16 คน ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบ (ตกเป็นเหยื่อ)
16 คน ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบ และผ่านการเรียนหลักสูตร Email Phishing
30 คน เนื่องจากโครงการดังกล่าว เริ่มต้นดำเนินโครงการในเดือนธันวาคม 2566 จึงยังไม่มีผลของการทดสอบครั้งต่อไปเปิดเผยในรายงานความยั่งยืนฉบับนี้
โทรีเซน ชิปปิ้ง
เนื่องจากการใช้ระบบสารสนเทศและซอฟต์แวร์อย่างเหมาะสมนําไปสู่การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพที่มากขึ้นภายในองค์กร โทรีเซน ชิปปิ้ง ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความปลอดภัยทาง ไซเบอร์ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทได้มีการจัดทำนโยบายสารสนเทศ นโยบายความเป็นส่วนตัว และนโยบายการใช้คุกกี้บนเว็บไซต์ โดยเป็นกรอบในการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
แผนงานและการดำเนินการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
โทรีเซน ชิปปิ้ง ใช้มาตรการทางเทคนิคและจัดทำแนวทางการบริหารจัดการที่เหมาะสมในการป้องกันและ เก็บรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยการใช้รหัสผ่านสำหรับการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยแนวทางการป้องกันตามกฎหมายและการบังคับใช้ การเข้าถึง การใช้งาน และการเปิดเผย ซึ่งถูกจำกัดสิทธิสำหรับผู้รับผิดชอบเท่านั้น ทั้งในส่วนของข้อมูลที่จัดเก็บในรูปแบบเอกสารและอิเล็กทรอนิกส์
ช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ สามารถติดต่อได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
บริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง สิงคโปร์ พีทีอี จำกัด
สถานที่ติดต่อ: 127เอ ถนน TELOK AYER,
ประเทศสิงคโปร์ (068596)
เบอร์โทรศัพท์: +65 6578-7000
.เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สถานที่ติดต่อ: 127เอ ถนน TELOK AYER,
ประเทศสิงคโปร์ (068596)
เบอร์โทรศัพท์: +65 6578-7000
อีเมล: dposhipping@thoresen.comPHC
PHC ให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาความปลอดภัยทาง ไซเบอร์และสิทธิความเป็นส่วนตัวของลูกค้าตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยมีการจัดทำคู่มือการบริหารจัดการระบบความมั่งคงปลอดภัยของสารสนเทศเพื่อกำหนด ทิศทางการบริหารจัดการและดำเนินงานด้านความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศของบริษัท พร้อมทั้งดำเนินการสื่อสารนโยบายและมาตรการด้านความปลอดภัยต่างๆ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องภายในและภายนอกรับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อรักษาความลับส่วนบุคคลของลูกค้า โดยบริษัทกำหนดให้กรรมการผู้จัดการ มีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมดูแลระบบความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศ ครอบคลุมถึงการประเมินความเสี่ยง พัฒนามาตรการด้านความมั่งคงปลอดภัยที่เหมาะสมและผลักดันให้ มีการนำไปปฏิบัติอย่างทั่วถึง นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดทำแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน (Contingency plan) เพื่อบริหารความต่อเนื่องขององค์กร และเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการล้มเหลวหรือเสียหายรุนแรงของระบบสารสนเทศ พร้อมทั้งสามารถกู้คืนระบบได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม กรณีลูกค้ามีปัญหา สามารถร้องเรียนผ่านช่องทางของพิชซ่า ฮัท ได้ทุกช่องทาง
ช่องทางการร้องเรียนปัญหาที่พบ
- Call Center : 1150
- Website : www.pizzahut.co.th
- Mobile Application : Pizza Hut Thailand
ประเด็น แผนการดำเนินงานปี 2566 แผนการดำเนินงาน 1-3 ปี ภาพรวมของการจัดการ ความปลอดภัยของข้อมูล/ความปลอดภัยทางไซเบอร์ จัดทำ IT Security Policy เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และจัดอบรมพนักงานให้ทราบถึงความสำคัญของผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อองค์กร ประกาศใช้งาน IT Security Policy ให้พนักงานรับทราบเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน และใช้อบรมเพื่อเป็นความรู้ให้กับพนักงานใหม่ และจัดอบรมเป็นประจำทุก 3 เดือน มาตรการการรักษาข้อมูลความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์แต่ละปี เช่น การโจรกรรมทางไซเบอร์เป็นศูนย์ ตรวจสอบและประเมินช่องโหว่ จุดบกพร่อง หรือสิทธิการเข้าถึงฐานข้อมูล และข้อมูลรายงานจากภายในและภายนอก รวมถึงการปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพื่อป้องกันและจำกัดความเสี่ยง จัดให้มีการทำการจำลองการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์จากบริษัทภายนอกเป็นประจำทุกปีเพื่อปิดช่องโหว่ให้เป็นศูนย์ โครงการสนับสนุนการรักษาข้อมูลความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ มีการตรวจสอบข้อมูลเรื่องการทบทวนการควบคุมระบบสารสนเทศตามข้อกำหนดของหน่วยงานประเมินจากภายนอกทุกปี โดยครอบคลุมในเรื่อง - การควบคุมห้องเซิร์ฟเวอร์
- การควบคุมการเข้าห้องเซิร์ฟเวอร์
- การควบคุมการเข้าแอพพลิเคชัน
กำหนดสิทธิการข้าถึงข้อมูลเฉพาะหน่วยงาน หรือผู้ที่มีสิทธิเข้าถึงเฉพาะข้อมูลได้ เพื่อป้องกันการรั่วไหลข้อมูลออกสู่ภายนอก และจะจัดการอบรมร่วมกับฝ่ายทรัพยากรบุคคลให้เป็นประจำทุก 3 เดือน ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น ISO 27001 และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จัดทำการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในทุกช่องทางของบริษัทเพื่อให้ลูกค้ารับทราบถึงว่าข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิต่างที่ให้ไว้กับทางบริษัท ซึ่งทางบริษัทมีการปกป้องข้อมูลของลูกค้าเป็นอย่างดี และจัดอบรมให้พนักงานรับทราบถึงความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลของลูกค้า และการนำขัอมูลของลุกค้าไปใช้งาน จัดทำมาตรฐานหลักเพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับองค์กร และลดความเสี่ยงต่อการป้องกันข้อมูลจากการโจรกรรม มีการสำรองข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ไปยังภายนอกบริษัท หรือการทำ Disaster Recovery Site และ Disaster Recovery Plan และจัดทำตารางการซ้อมแผน Disaster Recovery ประจำปี -
การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
-
การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
ในปัจจุบันโลกดิจิทัลและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเข้ามามีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทำให้การดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ความต้องการของลูกค้าและสังคมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การแข่งขัน ทางธุรกิจเพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดความท้าทายในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น นวัตกรรมจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถของกลุ่มบริษัท ให้สามารถปรับตัว และรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
กลุ่มบริษัทมีค่านิยมขององค์กรที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศในการนำความคิดหรือแนวทางใหม่ๆ มาปฏิบัติเป็นรูปธรรม ด้วยการมีความรับผิดชอบ มีความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และมีความพร้อมในการทำงาน มุ่งมั่นที่จะส่งเสริม การสร้างนวัตกรรมที่สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจตามสภาพปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อให้เกิดการพัฒนาและการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพขององค์กร และกำหนด กลยุทธ์ด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องกับทิศทางและแผนพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาธุรกิจและต่อยอดธุรกิจหลักให้เติบโตและยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมทั้งนวัตกรรมด้านกระบวนการทำงาน รูปแบบธุรกิจใหม่ รวมทั้งการทำงานร่วมมือกับคู่ค้าในห่วงโซ่คุณค่า นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมในการรองรับเทคโนโลยีและ การเปลี่ยนแปลงในอนาคตเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม พร้อมทั้งยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มฐานลูกค้าให้กับบริษัทฯ ตลอดจน สร้างความแตกต่างระหว่างคู่แข่งขัน
บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมที่สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจตามสภาพปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
TTA
TTA ให้ความสำคัญกับการคิดค้นหรือลงทุนในนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงความยั่งยื่น
โทรีเซน ชิปปิ้ง
โทรีเซน ชิปปิ้ง มีการพัฒนาระบบการเพิ่มพูนทักษะการทำงานให้แก่คนประจำเรือโดยผ่านระบบ Online โดยมีระบบสารสนเทศ e-learning เป็นตัวขับเคลื่อนการเรียนรู้ ประกอบกับการเรียนการสอนโดยผู้เชี่ยวชาญทั้งในและ นอกองค์กรอยู่ตลอดเวลา ความรู้ที่ให้จะมีทั้งด้านความรู้ทั่วไป การบริหารจัดการ ความรู้ทางด้านการเดินเรือ ด้านการซ่อมบำรุง และด้านบริหารความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาต่อยอดการบริหารงาน และอื่นๆ
PHC
การพัฒนากระบวนการดำเนินการ
PHC ได้พัฒนาระบบ Smart Workflow & Document Management ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้ภายในเกี่ยวกับการควบคุมการขอเบิกค่าใช้จ่ายการเดินทางของพนักงาน (E-Request) การอนุมัติ (E-Approval) และการจัดเก็บเอกสารรูปแบบ pdf file (E-Storage) ผ่านทาง online เพื่อสะดวกรวดเร็วและลดการใช้กระดาษในการพิมพ์เอกสาร
โครงการลดต้นทุนในห่วงโซ่อุปทาน
เป็นโครงการเพื่อหาแนวคิดใหม่ในลดต้นทุนในห่วงโซ่อุปทาน โดยบริษัทและคู่ค้ามีการศึกษาความเป็นไปได้และหาทางลดต้นทุนการผลิตโดยไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพและปริมาณของสินค้า เช่น เพิ่มขนาดของบรรจุภัณฑ์วัตถุดิบ เพื่อลดต้นทุนของการใช้บรรุภัณฑ์ขนาดเล็กที่มีปริมาณมาก การยกเลิกการขายน้ำอัดลมแบบบรรจุขวด PET เปลี่ยนเป็น บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มจากคู่ค้าที่มีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพมาตรฐานสากล มีความปลอดภัย และความสะดวกต่อการใช้งานกับลูกค้าเป็นสำคัญ
การพัฒนาปรับปรุงนวัตกรรมวัตถุดิบการทำแป้งพิซซ่า
บริษัท ยัม แบรนด์ส อิงค์ ได้ค้นคิดนวัตกรรมวัตถุดิบการทำแป้งพิซซ่าเพื่อใช้ในการผลิตพิซซ่าหลายรูปแบบ (One dough system) ซึ่งทำให้แป้งพิซซ่าจะมีอายุการใช้งานนานขึ้น และลดการสูญเสียจากการทิ้งแป้งที่เหลือเมื่อหมดอายุไม่สามารถผลิตสินค้าได้คุณภาพตามแบบเดิม และแป้งนวัตกรรมใหม่นี้ยังสามารถใช้ผลิตพิซซ่าได้หลายรูปแบบ ทำให้ลดเวลาการตีแป้งจากการต้องเตรียมแป้งหลายรอบต่อวันช่วยให้พนักงานสามารถบริหารเวลาการทำงานได้ดีขึ้น ลดเวลาการเข้างานช่วงเช้าได้ดีขึ้น
รวมพลังไรเดอร์พิซซ่า ฮัท ใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
จากการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและตอบแทนสู่สังคม โดยคำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (ESG) พร้อมร่วมขานรับเทรนด์โลก ในเรื่อง การลดมลพิษ พิซซ่า ฮัท สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการฟู้ดเดลิเวอรี่ ด้วยการรวมพลังกลุ่มไรเดอร์ พิซซ่า ฮัท ใช้ “รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” จัดส่งอาหารให้แก่ลูกค้า ภายใต้แนวคิด ‘Eco-friendly Delivery’ ที่ช่วยสนับสนุนแนวคิดจิตสำนึก “รักษ์โลก ใส่ใจใช้พลังงานสะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” นับว่าเป็นการนำร่องใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศและช่วยลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายด้านความยั่งยืนของพิซซ่า ฮัท ในประเทศไทย
PHC เลือกใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ P80 Go ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานของกลุ่มไรเดอร์ ทั้งเรื่องสมรรถนะของรถ ความเร็ว และความแรงของรถ สามารถทำความเร็วสูงสุด ที่ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นการช่วยลดภาระของกลุ่มไรเดอร์ในสถานการณ์ที่ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบคือสถานีที่ชาร์จแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้ายังมีจำกัดไม่ครอบคลุมพื้นที่ และใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอร์รี่แต่ละรอบค่อนข้างนาน ทั้งนี้ทาง PHC และ P80 Go ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อศึกษาและพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพของรถจักรยานไฟฟ้าต่อไปรวมถึงโอกาสการขยายสถานีการชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าหรือสถานีสลับแบตเตอร์รี่ไฟฟ้า (Swap & Go) ให้ครอบคลุมพื้นที่และสะดวกรวดเร็วต่อการใช้งานของกลุ่มไรเดอร์ พิซซ่า ฮัท
Pizza Hut Thailand บน App Store และ Google play
PHC จัดทำแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มช่องทางในการสั่งซื้อพิซซ่าให้กับลูกค้า โดยจัดทำแอปพลิเคชันบน App Store และ Google play ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า มีส่วนช่วยเพิ่มยอดขายให้กับ PHC มากขึ้น
STC
ทาโก้ เบลล์ ฉลองสาขาใหม่ด้วยโมเดลตู้คอนเทนเนอร์เป็นครั้งแรกที่ปั๊ม บางจาก สาขารามอินทรา กม. 6.5
ร้านทาโก้ เบลล์ สาขาปั๊มบางจาก รามอินทรา กม. 6.5 เปิดใหม่ด้วยนวัตกรรมการ upcycling ตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้แล้ว ผ่านการคัดเลือกคุณภาพอย่างเหมาะสม ถูกนำมาสร้างเป็นส่วนประกอบหลักของร้านทาโก้ เบลล์เป็นสาขาแรก ถือเป็นนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งเป็นประโยชน์ในเชิงต้นทุน ระยะเวลาในการก่อสร้าง ทั้งนี้ การใช้ตู้คอนเทนเนอร์ทำให้เกิดขยะและของเสียน้อยกว่าการก่อสร้างในรูปแบบเดิม รวมถึงเมื่อต้องการเปลี่ยนสถานที่ตั้งร้าน ก็สามารถทำได้สะดวก รวดเร็ว และคงเหลือปริมาณขยะและของเสียที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนสถานที่ตั้งร้านน้อยลง นอกจากนี้โมเดลการใช้ ตู้คอนเทนเนอร์นี้ ทำให้ STC สามารถสร้างร้านในพื้นที่ที่จำกัดได้ ก่อให้เกิดการจ้างงานกับบุคคลในบริเวณสาขารามอินทรา และก่อให้เกิดรายได้แก่ชุมชนใกล้เคียง
-
การบริหารความเสี่ยงและภาวะวิกฤต
-
การบริหารความเสี่ยงและภาวะวิกฤต
ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาทั้งใน ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้การให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจนั้น สามารถสะท้อนภาพการดำเนินธุรกิจในระยะยาวของบริษัทอย่างยั่งยืนและมั่นคงได้ จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่ทำให้บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงรวมถึงการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และคำนึงถึงการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้องค์กรมีแผนรับมือกับความเสี่ยงที่สำคัญและพร้อมเผชิญกับความไม่แน่นอนต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจใดๆ ตลอดจนสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ควบคู่ไปกับการสร้างคุุณค่าและความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
แนวทางการบริหารจัดการ
บริษัทฯ สร้างการตระหนักรู้ให้แก่พนักงานต่อหลักการบริหารความเสี่ยงด้านความยั่งยืนพร้อมทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมอันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และได้กำหนดให้คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดต่อกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยรวม โดยดำเนินงานเชื่อมโยงกันระหว่างหน่วยงานเจ้าของความเสี่ยง (Risk owner) และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงในการทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงในภาพรวมขององค์กร โดยบริษัทฯ ได้มีแนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงและภาวะวิกฤตดังนี้
ผลการดำเนินงานด้านการบริหารความเสี่ยงและภาวะวิกฤตในปี 2566
ประเด็นความเสี่ยงและแนวทางการบริหารความเสี่ยงในแต่ละหัวข้อของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก หัวข้อปัจจัยความเสี่ยง ในแบบ 56-1 One Report
-
ประเด็นความเสี่ยงด้านความยั่งยืน หรือความเสี่ยงที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงินของปี 2566 และแนวทางการบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ อาทิเช่น
- ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเกิดภัยพิบัติ และความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน
- ชุมชนสัมพันธ์และความรับผิดชอบทางสังคม
- การทุจริตคอร์รัปชัน
- การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ
-
จำนวนบุคลากรที่ได้รับการอบรมเรื่องการบริหารความเสี่ยงด้านความยั่งยืน
ระดับบุคลากร 2566 จำนวนคน ร้อยละ กรรมการ 4 36 ผู้บริหารระดับสูง 72 100 พนักงาน 13 72 -
การบริหารจัดการประเด็นความเสี่ยงด้านความยั่งยืนที่ประเมินได้ในปี 2566
-